เนื้องอกกัมม่า ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคซิฟิลิส ที่อาจทำลายร่างกายโดยไม่รู้ตัว

เนื้องอกกัมม่า ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคซิฟิลิส ที่อาจทำลายร่างกายโดยไม่รู้ตัว

ในยุคที่การแพทย์ก้าวหน้า และการเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพทำได้ง่ายขึ้น หลายคนอาจคิดว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องไกลตัว หรือเป็นโรคที่รักษาได้ง่ายหากตรวจพบเร็ว แต่ในความเป็นจริง ยังมีภาวะแทรกซ้อนบางชนิดที่ หายากแต่รุนแรง และอาจเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง หนึ่งในนั้นคือ เนื้องอกกัมม่า (Gumma)

Love2test

เนื้องอกกัมม่าไม่ใช่โรคใหม่ และไม่ใช่มะเร็ง แต่เป็นก้อนเนื้อผิดปกติที่เกิดจาก โรคซิฟิลิสระยะท้าย ซึ่งสามารถทำลายอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง กระดูก ตับ หัวใจ และผิวหนัง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ความพิการหรือเสียชีวิตได้

เนื้องอกกัมม่า ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคซิฟิลิส ที่อาจทำลายร่างกายโดยไม่รู้ตัว

เนื้องอกกัมม่า (Gumma) คืออะไร?

Love2test

เนื้องอกกัมม่า (Gumma) คือ ก้อนเนื้ออักเสบเรื้อรังที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ Treponema pallidum ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิด โรคซิฟิลิส (Syphilis)

โดยทั่วไป เนื้องอกกัมม่าจะพบในผู้ป่วยที่เป็น ซิฟิลิสระยะที่ 3 (Tertiary Syphilis) ซึ่งเป็นระยะท้ายของโรค และอาจเกิดขึ้นหลังจากติดเชื้อมานานหลายปี หรือเป็นสิบปี โดยที่ผู้ป่วยบางราย ไม่เคยมีอาการชัดเจนมาก่อน

ลักษณะสำคัญของเนื้องอกกัมม่า คือ

“ChatLove2test"
  • เป็นก้อนเนื้อแข็งหรือกึ่งแข็ง
  • ไม่ใช่มะเร็ง แต่สามารถทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
  • มักเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • อาจเกิดได้ในหลายอวัยวะพร้อมกัน

โรคซิฟิลิส (Syphilis) กับความเชื่อมโยงสู่เนื้องอกกัมม่า

โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีประวัติยาวนาน และแม้จะสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาปฏิชีวนะ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา หรือรักษาไม่ครบถ้วน โรคนี้สามารถพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในระยะท้าย หนึ่งในภาวะที่อันตราย และมักถูกมองข้ามคือ เนื้องอกกัมม่า (Gumma) โดยเนื้องอกกัมม่าจึงไม่ใช่โรคแยกเดี่ยว แต่เป็นผลลัพธ์ของการติดเชื้อซิฟิลิสที่ดำเนินมาอย่างยาวนานโดยไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม

ซิฟิลิส คืออะไร?

โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า Treponema pallidum เชื้อชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่าน

“PrEPLove2test"
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
  • การสัมผัสแผลหรือรอยโรคที่มีเชื้อ
  • การถ่ายทอดจากแม่สู่ทารกในครรภ์

ซิฟิลิสมีลักษณะเฉพาะคือ การดำเนินโรคเป็นระยะ ๆ และในบางช่วงอาจไม่มีอาการใด ๆ เลย ทำให้ผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่าตนเองยังมีเชื้ออยู่ในร่างกาย

ระยะของโรคซิฟิลิส และความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นตามเวลา

ระยะที่ 1 : ซิฟิลิสระยะปฐมภูมิ (Primary Syphilis)

  • เกิดแผลริมแข็งบริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก
  • แผลมักไม่เจ็บ ทำให้ถูกมองข้าม
  • แม้แผลจะหายไปเอง แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย

ระยะที่ 2 : ซิฟิลิสระยะทุติยภูมิ (Secondary Syphilis)

  • มีผื่นขึ้นตามตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
  • อาจมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย
  • อาการเหล่านี้สามารถหายได้เองเช่นกัน

ระยะแฝง (Latent Syphilis)

  • ไม่มีอาการแสดง
  • ผู้ติดเชื้อดูเหมือนสุขภาพปกติ
  • ระยะนี้อาจกินเวลาหลายปี

ระยะที่ 3 : ซิฟิลิสระยะตติยภูมิ (Tertiary Syphilis)

  • เป็นระยะที่อันตรายที่สุด
  • เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงต่ออวัยวะสำคัญ
  • รวมถึง เนื้องอกกัมม่า (Gumma)

เนื้องอกกัมม่า: สัญญาณอันตรายของซิฟิลิสระยะท้าย

เนื้องอกกัมม่า ถือเป็นหนึ่งในลักษณะสำคัญของซิฟิลิสระยะที่ 3 ซึ่งสะท้อนว่า

  • เชื้อซิฟิลิสอยู่ในร่างกายมาเป็นเวลานาน
  • ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด
  • เกิดการอักเสบเรื้อรังและการทำลายเนื้อเยื่ออย่างต่อเนื่อง

เนื้องอกกัมม่าสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากติดเชื้อมานานหลายปี หรือเป็นสิบปี โดยผู้ป่วยบางรายอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนเองเคยติดเชื้อซิฟิลิส

กลไกการเกิดเนื้องอกกัมม่า

เนื้องอกกัมม่า ไม่ใช่มะเร็ง และไม่ได้เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติเหมือนเนื้องอกชนิดอื่น แต่เกิดจากกระบวนการต่อไปนี้

  • การอักเสบเรื้อรัง (Chronic inflammation) เมื่อเชื้อ Treponema pallidum อยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบแบบต่อเนื่อง โดยไม่สามารถกำจัดเชื้อให้หมดได้
  • การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันพยายามควบคุมเชื้อ โดยการส่งเซลล์ภูมิคุ้มกันเข้าไปสะสมบริเวณที่มีเชื้อ ส่งผลให้เกิดก้อนอักเสบขึ้น
  • การทำลายเนื้อเยื่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป ก้อนอักเสบดังกล่าวจะค่อย ๆ ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้เกิดลักษณะเป็นก้อนเนื้อแข็ง หรือแผลลึกในอวัยวะนั้น ๆ
  • การล้อมเชื้อของร่างกาย เนื้องอกกัมม่าจึงเปรียบเสมือนความพยายามของร่างกายในการล้อม เชื้อไว้ไม่ให้กระจาย แต่ผลลัพธ์กลับทำให้โครงสร้างของอวัยวะถูกทำลายไปพร้อมกัน

เนื้องอกกัมม่าพบได้ที่อวัยวะใดบ้าง?

  • เนื้องอกกัมม่าที่ผิวหนัง เป็นก้อนแข็งหรือแผลเรื้อรัง อาจแตกเป็นแผลลึก ทิ้งแผลเป็นถาวร
  • เนื้องอกกัมม่าที่กระดูก ปวดกระดูกเรื้อรัง กระดูกผิดรูป เสี่ยงกระดูกหักง่าย
  • เนื้องอกกัมม่าที่สมองและระบบประสาท ปวดศีรษะเรื้อรัง ชัก การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือความจำ
  • เนื้องอกกัมม่าที่ตับและอวัยวะภายใน ตับโต การทำงานของอวัยวะผิดปกติ อาจคล้ายโรคเนื้องอกชนิดอื่น

อาการของเนื้องอกกัมม่า ที่ไม่ควรมองข้าม

อาการของเนื้องอกกัมม่าขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิด แต่สัญญาณเตือนที่พบบ่อย ได้แก่

  • มีก้อนเนื้อผิดปกติที่โตช้า เนื้องอกกัมม่ามักเริ่มจากก้อนเนื้อขนาดเล็กที่ค่อย ๆ โตขึ้นอย่างช้า ๆ ก้อนอาจมีลักษณะแข็งหรือกึ่งแข็ง และในระยะแรกมักไม่เจ็บปวด ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกกังวล ก้อนเนื้อนี้สามารถเกิดได้ทั้งที่ผิวหนัง ใต้ผิวหนัง หรือในอวัยวะภายใน เช่น ตับ กระดูก หรือสมอง ซึ่งในกรณีของอวัยวะภายใน ผู้ป่วยอาจไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตนเอง
  • แผลเรื้อรังที่ไม่หาย ในบางกรณี เนื้องอกกัมม่าที่เกิดบริเวณผิวหนังอาจแตกออกกลายเป็นแผลลึก แผลลักษณะนี้มัก
    • หายช้า
    • ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
    • อาจทิ้งรอยแผลเป็นถาวร
    • แผลเรื้อรังจากเนื้องอกกัมม่ามักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแผลติดเชื้อทั่วไป แผลกดทับ หรือโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดอื่น
  • ปวดอวัยวะลึก ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อเนื้องอกกัมม่าเกิดในอวัยวะภายใน เช่น กระดูก สมอง หรืออวัยวะในช่องท้อง ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดลึก ๆ เรื้อรัง โดยไม่สามารถระบุสาเหตุได้ชัดเจน อาการปวดมักไม่สัมพันธ์กับการใช้งาน หรือการบาดเจ็บ และอาจไม่ทุเลาลงแม้พักผ่อน ซึ่งแตกต่างจากอาการปวดกล้ามเนื้อหรือข้อทั่วไป
  • อ่อนเพลียเรื้อรัง การอักเสบเรื้อรังจากเนื้องอกกัมม่าส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยรู้สึก
    • เหนื่อยง่าย
    • ไม่มีแรง
    • สมาธิลดลง
    • อาการอ่อนเพลียนี้มักเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน และไม่ดีขึ้นแม้นอนหลับเพียงพอ ซึ่งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเกิดจากความเครียดหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ ผู้ป่วยบางรายอาจมีน้ำหนักลดลงอย่างช้า ๆ โดยไม่ได้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายเพิ่ม ซึ่งเป็นผลจาก
    • กระบวนการอักเสบเรื้อรัง
    • การทำงานของอวัยวะภายในที่ผิดปกติ
    • การใช้พลังงานของร่างกายเพิ่มขึ้นจากการต่อสู้กับการติดเชื้อ 
    • อาการนี้มักถูกมองข้าม เพราะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหรือชัดเจน

ที่น่ากังวลคือ ผู้ป่วยหลายรายไม่เชื่อมโยงอาการเหล่านี้กับโรคซิฟิลิส ทำให้เข้ารับการรักษาล่าช้า

การวินิจฉัยเนื้องอกกัมม่า

การวินิจฉัยเนื้องอกกัมม่า

การวินิจฉัยเนื้องอกกัมม่า (Gumma) เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยหลายวิธีร่วมกัน เนื่องจากลักษณะของก้อนเนื้อ และอาการที่เกิดขึ้นสามารถคล้ายคลึงกับโรคอื่น ๆ โดยเฉพาะโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังหรือเนื้องอกชนิดร้ายแรง ทำให้การวินิจฉัยผิดพลาดได้หากไม่ประเมินอย่างรอบด้าน

  • การซักประวัติทางเพศ และประวัติการติดเชื้อซิฟิลิส แพทย์จะให้ความสำคัญกับ
    • ประวัติการมีเพศสัมพันธ์
    • การมีพฤติกรรมเสี่ยง
    • การเคยได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาโรคซิฟิลิสมาก่อน
    • แม้ผู้ป่วยจะไม่เคยทราบว่าตนเองติดเชื้อซิฟิลิส แต่อดีตของโรคอาจย้อนกลับไปหลายปี จึงทำให้การซักประวัติอย่างละเอียดมีความสำคัญอย่างยิ่ง
  • การตรวจเลือดหาเชื้อซิฟิลิส การตรวจเลือดเป็นขั้นตอนหลักในการยืนยันการติดเชื้อซิฟิลิส โดยช่วยบ่งชี้ว่า
    • เคยติดเชื้อในอดีตหรือไม่
    • ยังมีการติดเชื้อหลงเหลืออยู่หรือไม่
    • ผลตรวจเลือดจะช่วยสนับสนุนการวินิจฉัยว่า ก้อนเนื้อหรืออาการผิดปกตินั้นมีความเกี่ยวข้องกับซิฟิลิสหรือไม่
  • การตรวจภาพถ่ายทางการแพทย์ การตรวจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น
    • X-ray
    • CT Scan
    • MRI
    • ช่วยให้แพทย์มองเห็นตำแหน่ง ขนาด และขอบเขตของเนื้องอกกัมม่า โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดในอวัยวะภายใน เช่น กระดูก สมอง หรืออวัยวะในช่องท้อง ซึ่งไม่สามารถตรวจพบได้จากภายนอก
  • การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) ในหลายกรณี แพทย์อาจจำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อจากก้อนผิดปกติมาตรวจ เพื่อ
    • ยืนยันว่าไม่ใช่มะเร็ง
    • แยกจากการติดเชื้อชนิดอื่น
    • ตรวจลักษณะการอักเสบที่สอดคล้องกับเนื้องอกกัมม่า
    • การตรวจชิ้นเนื้อถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการยืนยันการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ
  • การแยกโรค (Differential Diagnosis) เนื่องจากลักษณะของเนื้องอกกัมม่าสามารถคล้ายกับโรคอื่น แพทย์จึงต้องพิจารณาแยกออกจากโรคต่อไปนี้
    • มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระดูกหรือเนื้องอกในอวัยวะภายใน
    • วัณโรค ซึ่งอาจทำให้เกิดก้อนอักเสบเรื้อรังคล้ายกัน
    • โรคอักเสบเรื้อรังอื่น ๆ ที่มีการทำลายเนื้อเยื่อ
    • การแยกโรคอย่างถูกต้องช่วยหลีกเลี่ยงการรักษาที่ไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสม

    การรักษาเนื้องอกกัมม่า

    • การให้ยาปฏิชีวนะ หัวใจสำคัญของการรักษาเนื้องอกกัมม่าคือ การกำจัดเชื้อซิฟิลิส โดยใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เช่น เพนิซิลลิน การรักษาที่ถูกต้อง และครบถ้วนสามารถหยุดการลุกลามของโรค และช่วยให้ก้อนเนื้อยุบตัวลงได้ในหลายกรณี
    • การติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หลังการรักษา แพทย์จะติดตาม
      • การตอบสนองต่อยา
      • การยุบตัวของก้อนเนื้อ
      • การฟื้นตัวของอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ
      • การติดตามอย่างต่อเนื่องช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำ และประเมินผลการรักษาในระยะยาว
    • การรักษาภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะ หากเนื้องอกกัมม่าสร้างความเสียหายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ หรือกระดูก อาจต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมเพื่อ
      • บรรเทาอาการ
      • ฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะ
      • ป้องกันความพิการถาวร
      • ควรเข้าใจว่า แม้การรักษาจะสามารถกำจัดเชื้อได้ แต่ ความเสียหายของอวัยวะที่เกิดขึ้นแล้วอาจไม่สามารถฟื้นฟูได้ทั้งหมด

    การป้องกันเนื้องอกกัมม่า เริ่มต้นที่การป้องกันซิฟิลิส

    เนื้องอกกัมม่าสามารถป้องกันได้ หากสามารถป้องกันการติดเชื้อซิฟิลิสตั้งแต่ต้น โดยแนวทางสำคัญ ได้แก่

    • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
    • ใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ
    • ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ
    • เข้ารับการรักษาทันทีเมื่อพบการติดเชื้อ และรักษาให้ครบตามคำแนะนำแพทย์

    อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

    เนื้องอกกัมม่า (Gumma) เป็นภาวะแทรกซ้อนระยะรุนแรงของ โรคซิฟิลิส ที่แม้จะพบไม่บ่อย แต่มีความอันตรายสูง และสามารถทำลายคุณภาพชีวิตอย่างถาวร หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

    บทเรียนสำคัญคือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องเล็ก และการตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น คือกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงเช่นเนื้องอกกัมม่า

    เอกสารอ้างอิง

    • Wikipedia. Gumma (pathology). อธิบายลักษณะและตำแหน่งที่พบของเนื้องอกกัมม่า จากการติดเชื้อซิฟิลิสระยะท้าย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Gumma_%28pathology%29 วิกิพีเดีย
    • MedlinePlus Medical Encyclopedia. Gumma. ให้คำจำกัดความก้อนเนื้อกัมม่าและที่พบตามอวัยวะต่าง ๆ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://medlineplus.gov/ency/article/000859.htm MedlinePlus
    • Wikipedia. Syphilis. ให้ภาพรวมของโรคซิฟิลิส รวมถึงระยะที่ 3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดเนื้องอกกัมม่า. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Syphilis วิกิพีเดีย
    • Biology Insights. Gumma Syphilis: Causes, Symptoms, and Treatment. ข้อมูลการพัฒนาและลักษณะของกัมม่าในการติดเชื้อซิฟิลิสระยะลุกลาม. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://biologyinsights.com/gumma-syphilis-causes-symptoms-and-treatment/ Biology Insights
    • STA Center. รู้จักกับ Gummas เนื้องอกจากโรคซิฟิลิสระยะลุกลาม. ข้อมูลภาษาไทยเกี่ยวกับ Gummas และการป้องกันที่สำคัญ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://thesticenter.com/gummas/ STI CENTER

    Similar Posts